สารจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

เรียน       ท่านผู้ถือหุ้น

บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มากว่า 35 ปี เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวข้ามความท้าทายในทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นคง

ในปี 2567 ที่ผ่านมา สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในระดับโลกยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ที่ต้องปรับตัวให้ทันกับความผันผวนของราคาพลังงาน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนของค่าเงินที่ส่งผลทั้งทางด้านต้นทุนและการบริหารจัดการในด้านต่างๆ  อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคงในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2567  แม้สถานการณ์จะไม่ง่าย แต่เรายังคงสามารถสร้างการเติบโตในหลายมิติ ซึ่งเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์และดำเนินงานที่มีความรอบคอบ และยืดหยุ่นในทุกด้าน ทั้งในด้านการให้บริการที่ครอบคลุมและการขยายธุรกิจใหม่ๆ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เรามีการขยายบริการในหลายๆ ด้าน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการให้บริการลูกค้าให้มีความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น    เช่น  การเปิด LEO Self Storage & Wine Storage สาขาพระราม 4  ห้องเก็บของให้เช่าสาขาใหม่ล่าสุดของบริษัทฯ ที่มีพื้นที่ให้เช่ามากกว่า 1,600 ตารางเมตร  รวบรวมจุดเด่นด้านการให้บริการด้วยเทคโนโลยีทันสมัยตามมาตรฐาน World Class Standard Self Storage รวมถึงการให้บริการห้องเก็บไวน์แบบควบคุมอุณหภูมิ     “LEO Wine Storage” ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่ต้องการห้องเก็บไวน์ที่อยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกและออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบไวน์ หรือนำเข้าไวน์โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวบริการ LEO COLDBOTIC ศูนย์กระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบครบวงจร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่คลังสินค้าทัณฑ์บนของท่าเทียบเรือสหไทย อยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานครมากที่สุดแห่งหนึ่ง  มีระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์และใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนมนุษย์ด้วยระบบ 4-ways shuttle Automatic รายแรกของประเทศไทย ในการจัดเก็บสินค้าประเภท Wine & Spirit   สามารถจัดเก็บสินค้าประเภทไวน์ ได้มากกว่า 1.2 ล้านขวด   ซึ่งจะช่วยยกระดับการให้บริการของ LEO ในเรื่องของศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า (Logistics Center & Warehouse) ให้ได้ตามมาตรฐานสากลได้อย่างแท้จริง และทางบริษัทฯ มั่นใจว่าคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ LEO COLDBOTIC  นี้  จะสร้างผลประกอบการที่ดีและสร้างการเติบโตให้กับ LEO ได้ในอนาคต

ปี 2567 บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เราสามารถขยายตลาดใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  มีการรับรู้รายได้จากหน่วยธุรกิจใหม่ๆ เช่น  การขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศภายใต้บริษัท Sritrang LEO Multimodal Logistics ซึ่งมีรายได้ในปี 2567 ประมาณ 140 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ได้มากกว่า 70% การขนส่งทางรางไปยังประเทศจีน-ลาว ของบริษัท LaneXang Express มีการเติบโตของรายได้ถึงประมาณ 5 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2566 และการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีนของบริษัท LEO Sourcing & Supply Chain ที่มีการเติบโตของรายได้มากกว่าปี 2566 ถึงเกือบ140% โดยเฉพาะการส่งออกทุเรียนที่มีการส่งออกมากขึ้นในช่วงปลายปี 2567 นอกจากนั้นธุรกิจใหม่อื่นๆ ได้แก่ โครงการ Self-Storage และ Wine Storage สาขาที่ 3 บนถนนพระราม 4 ที่บริษัทฯ ได้เริ่มรับรู้รายได้ และการให้บริการการจัดการโลจิสติกส์และกระจายสินค้า ของบริษัท Advantis LEO ที่มีการเพิ่มขึ้นของรายได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลประกอบการในปี 2567 เติบโตอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อน แม้จะมีความท้าทายในหลายๆ ด้านก็ตาม

ในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์ “LEO Go Green”  ประกอบด้วยเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนทั้งหมดห้ามิติ ซึ่งสะท้อนผ่านตัวอักษรห้าตัวในคำว่า GREEN ได้แก่ G : Growth in all aspects,  R : Robust Performance,  E : ESG Focused, E : Empowerment, และ N : New Generation & New Technology ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เราคาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2568 จะเติบโต 20-25% จากการขยายธุรกิจใหม่ๆ เช่น การเปิดโครงการ Self-Storage และ Wine Storage สาขาถนนพระราม 4 การขนส่งสินค้าทางรางระหว่างประเทศจีน-ลาวผ่าน LaneXang Express และการพัฒนาโครงการขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศโดย Sritrang LEO Multimodal Logistics ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการขนส่งและโลจิสติกส์ของเรา

ในส่วนของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG)   ทางบริษัทฯ ได้จัดทำโครงการเพื่อสังคมมากมาย เช่น โครงการ “ผลิตบัณฑิตปริญญาตรี สาขาวิชาการจัดการซัปพลายเชนธุรกิจ แขนงวิชาธุรกิจพาณิชยนาวี” ที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา อย่างต่อเนื่อง โดยนักศึกษาทุนรุ่นที่ 1 จำนวน 8 คน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเรียบร้อยแล้ว  นักศึกษาทุนรุ่นที่ 2 จำนวน 7 คน ปัจจุบันกำลังจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และปีล่าสุด นักศึกษาทุนรุ่นที่ 2.2 จำนวน 3 คน ได้เริ่มเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา พร้อมกับฝึกงานที่บริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โครงการนี้จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้มีการศึกษาที่ดีขึ้น  สามารถสร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว อีกทั้งยังเพิ่มจำนวนพนักงานที่มีความรู้ทางด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ให้มากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังทำโครงการ “โรงเรียนนี้เพื่อน้อง” ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลากว่า 12 ปีโดยเป็น โครงการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารและด้อยโอกาสทางการศึกษา ให้มีห้องเรียนและอุปกรณ์ที่จะมาช่วยส่งเสริมพัฒนาทักษะการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น ในปี 2567 ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ ได้จัดทำโครงการโรงเรียนนี้เพื่อน้องโครงการที่ 6 เพื่อช่วยเหลือศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา แม่ฟ้าหลวง “บ้านทีมู” ต. ขะเนจื้อ อ. แม่ระมาด จ. ตาก  ที่เป็นโรงเรียนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารและอยู่เขตชายแดนไทย-เมียนมาร์    นอกจากการบูรณะซ่อมแซมอาคารเรียนและสร้างห้องสมุดใหักับทางโรงเรียนแล้ว ทางบริษัทฯ  ยังได้มอบสิ่งของบริจาคที่จำเป็นแก่โรงเรียนจำนวนมาก อาทิ เช่น สนามเด็กเล่น โต๊ะและเก้าอี้สำหรับนักเรียน ชุดนักเรียนและชุดพละ รองเท้าและถุงเท้านักเรียน ตู้เย็นสำหรับเก็บอาหารสด เครื่องครัวสำหรับประกอบอาหารกลางวัน รวมถึงทุนการศึกษาให้กับนักเรียนทุกระดับชั้น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองที่มีฐานะยากจน สิ่งของบริจาคเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศกับทางบริษัทฯ  พันธมิตรทางธุรกิจที่มีจิตที่เป็นกุศล รวมถึงพนักงานและผู้บริหารที่ต้องการให้เด็กๆ นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลได้รับโอกาสที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

ทางด้านมิติด้านสิ่งแวดล้อม ในปี 2568 นี้ ทางบริษัทฯ ให้ความสำคัญและจริงจังกับโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้พลังงานทดแทน เพื่อดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยการส่งมอบบริการโลจิสติกส์ที่สามารถแปลงเป็นเครดิตคาร์บอน (Carbon Credit) ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าของเรามีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะในประเทศที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในยุโรป 

ทั้งหมดนี้คือแผนยุทธศาสตร์ที่ทางผู้บริหาร ผู้จัดการและพนักงานของบริษัทฯ ได้วางแผนงานร่วมกัน  เพื่อให้ LEO ได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ได้อย่างแท้จริง 

กระผมในนามบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)  ขอขอบพระคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและเชื่อมั่นใน LEO มาโดยตลอด การเติบโตที่เราประสบความสำเร็จในวันนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งผู้บริหาร พนักงาน และพันธมิตรที่ได้ช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง และดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบและมีจริยธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ  “LEO จะเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรชั้นนำของไทย ที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก โดยมีการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในใจของลูกค้า พนักงานและนักลงทุน” ตลอดไป

นายเกตติวิทย์  สิทธิสุนทรวงศ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร